นักธรณีวิทยา

1.ลักษณะการทำงาน

Coal geologists
สำรวจและวิเคราะห์ทรัพยากรถ่านหิน ประเมินศักยภาพการทำเหมืองถ่านหิน
และการพัฒนาก๊าซธรรมชาติจากถ่านหิน

Computing geologists พัฒนาโปรแกรมที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศ
เช่น ระบบฐานข้อมูล ระบบภูมิสารสนเทศ (GIS) ข้อมูลสถิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้พื้นพี่และการวางแผนจัดการ

Economic geologists ศึกษาวิเคราะห์และประเมินศักยภาพแหล่งแร่เศรษฐกิจ

Engineering geologists วิเคราะห์ข้อมูลทางธรณีวิทยา เพื่อให้คำปรึกษาแก่หน่วยงานของรัฐ และเอกชน
ในเรื่องของความเหมาะสมของพื้นที่ก่อสร้าง อาทิ เขื่อน ทางหลวง สนามบิน อุโมงค์ และในการสำรวจและผลิตน้ำมัน
ก๊าซธรรมชาติ แหล่งแร่ ซึ่งต้องทำงานร่วมกับวิศวกร

Environmental geologists ประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม
จากการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้พื้นพูพื้นที่เสื่อมโทรมให้กลับมามีค่าเหมือนเดิม

Geochemists ศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของแร่และหิน เพื่อให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับการกระจายตัว
และคุณภาพของแร่ในเปลือกโลก

Geochronologists วิเคราะห์อายุของหิน โดยการศึกษาจากการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี

Geomorphologists ศึกษาภูมิประเทศ และกระบวนการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพื้นผิวโลก

Hydrogeologists ศึกษาปริมาณและคุณภาพของน้ำใต้ดิน ตรวจสอบการปนเปื้อน และพัฒนาน้ำใต้ดินมาใช้

Marine geologists ศึกษาสภาพแวดล้อมชายฝั่งทะเลและมหาสมุทร ให้เข้าใจถึงวิวัฒนาการของแอ่งในมหาสมุทร
เป็นประโยชน์ต่อการสำรวจแหล่งแร่และปิโตรเลียม

Mineralogists วิเคราะห์และจำแนกแร่และหิน จากองค์ประกอบทางเคมี และโครงสร้างของแร่
เพื่อนำไปพัฒนาในอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม

Mining geologists ค้นหาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ วิเคราะห์
และศึกษาแง่ของศักยภาพและความปลอดภัยในการทำเหมPaleontologists ศึกษาซากดึกดำบรรพ์
ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับ การกำหนดอายุทางธรณีวิทยา การสำรวจปิโตรเลียม วิวัฒนาการของสภาพแวดล้อมในอดีต

Petroleum geologists ศึกษาข้อมูลธรณีวิทยา ธรณีฟิสิกส์ ธรณีเคมี เพื่อหาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
และให้ข้อมูลกับวิศวกรปิโตรเลียมในกระบวนการสำรวจและผลิต

Planetary geologists ศึกษาพฤติกรรมและวิวัฒนาการของโลกและดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ในจักรวาล

Sedimentologists ศึกษากระบวนการเกิดหินตะกอน คุณสมบัติทางการภาพและเคมีของหิน
เพื่อนำไปประยุกต์กับการหาแหล่งถ่านหิน ปิโตรเลียม และทรัพยากรแร่

Stratigraphers ศึกษาการระบบของชั้นหินตะกอน วิเคราะห์ซากดึกดำบรรพ์
เปรียบเทียบกับข้อมูลจากพื้นที่อื่น ในระหว่างการหาทรัพยากรธรรมชาติ

Structural geologists ศึกษารูปร่างและการเปลี่ยนรูปของหิน ในพื้นที่ศักยภาพต่อการสะสมตัวของแหล่งแร่
และปิโตรเลียม

Surficial geologists ศึกษาตะกอน และชั้นหินบริเวณผิวโลก เพื่อเป็นข้อมูลต่อการก่อสร้าง การสำรวจแหล่งแร่
แหล่งปนเปื้อน การจัดการพื้นที่และการวางระบบผังเมือง

Volcanologists ศึกษาภูเขาไฟที่ยังปะทุและดับแล้ว ศึกษากระบวนการเกิดทั้งทางเคมี และกายภาพ
เพื่อประเมินการเสี่ยงภัยในอนาคต

Wellsite geologists ทำงานใกล้ชิดกับทีมงานขุดเจาะในพื้นที่สำรวจ
เพื่อให้มั่นใจว่าหลุมเจาะนั้นอยู่ในตำแหน่งที่กำหนดไว้ และทำการเก็บตัวอย่างจากหลุมเจาะมาวิเคราะห์

สภาพการทำงานของนักธรณีวิทยาล้วนแล้วแต่แตกต่างกันออกไปตามบทบาทข้างต้น มีทั้งการทำงานในห้องทำงาน
และการออกสำรวจภาคสนาม ซึ่งอาจจะต้องออกสำรวจภาคสนามนานนับเดือน ในพื้นที่ห่างไกล ทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งบนบกและกลางทะเล หากเป็นงานในเหมืองแร่อาจจะต้องทำงานใต้ดินอีกด้วย
ซึ่งแต่ละสถานที่มีความเสี่ยงอันตรายสูง และอาจก่อให้เกิดความเครียดได้
ดังนั้นผู้ที่สนใจในอาชีพนักธรณีวิทยาที่ดีจะต้องมีจิตใจมั่นคงไม่ท้อถอย ชอบท่องเที่ยว ผจญภัย ขยันขันแข็ง ซื่อสัตย์
มีวินัย มีความคิดริเริ่ม มีความจำดี ช่างสังเกต สุขภาพแข็งแรง อดทน เรียบง่าย สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ดี

2.คุณสมบัติของผู้ที่เหมาะสมกับอาชีพ

-มีบุคลิกภาพที่พร้อมต่อการใช้เชาว์ปัญญาและความคิด มีสติดี ยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น ชอบคิด สังเกต
มีจินตนาการ วิเคราะห์วิจารณ์อย่างมีเหตุผล ชอบแก้ปัญหา ชอบใฝ่หาความรู้อยู่เสมอ
เพราะความรู้ทางธรณีวิทยานั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อมีข้อมูลที่ดีขึ้น คุณสมบัติเหล่านี้อาจจะฟังดูธรรมดาทั่วไป
แต่ที่พิเศษสำหรับผู้เรียนธรณีวิทยาและจำเป็นอย่างยิ่ง ก็คือ การมีใจรักธรรมชาติและการผจญภัย มีนิสัยเรียบง่าย
ยอมรับความลำบาก พูดจารู้เรื่อง สายตามองเห็นภาพสามมิติ ไม่เป็นโรคกลัวความสูง และมีร่างกายที่แข็งแรง
3.เเนวทางการศึกษาต่อ
เมื่อชั้นม.3 ควรศึกษาต่อในห้องพิเศษวิทย์-คณิต

Gifted

เป็นห้องเรียนพิเศษ วิทย์ - คณิต และเป็นชื่อที่โรงเรียนส่วนใหญ่ใช้กัน
หมายถึงห้องเรียนที่เน้นการเรียนวิทยาศษสตร์ และคณิตศาสตร์
ดยจะมีเนื้อหาการเรียนที่เข้มข้น
รวมถึงการเรียนในเนื้อหาที่เกินระดับชั้น
(ที่ห้องเรียนปกติหรือห้องเรียนธรรมดาเรียนกัน)
เช่นวิชาวิทยาศาสตร์นั้น จะแยกเนื้อหาออกเป็น วิชาฟิสิกส์
เคมีและชีวะวิทยา ซึ่งอาจจะมีเนื้อหาของระดับชั้น ม.ปลายรวมอยู่ด้วย
และวิชาคณิตศาสตร์จะเน้นเนื้อหาที่เกินระดับชั้น และยากกว่าปกติ
โดยชั่วโมงการเรียนของห้องเรียน Gifted นี้
จะมากกว่าห้องเรียนปกติด้วย

การสอบเข้าห้องเรียนพิเศษ

ทุกโรงเรียนจะมีการสอบคัดเลือกในวันเดียวกัน
เพื่อป้องกันการสมัครสอบทุกโรงเรียน
และอาจจะมีการสละสิทธิ์ที่นั่งเรียนมากมายเมื่อสอบได้
ดังนั้นน้องๆและผู้ปกครองควรเลือกโรงเรียนที่จะสอบให้ดี
ซึ่งเดี๋ยวนี้ทุกโรงเรียนจะมีการให้ทดลองสอบก่อนที่เรียกว่า Pre Gifted
Test มาให้ลองสอบกันดู (วันเวลาสอบของแต่ละโรงเรียนแตกต่างกัน)
ซึ่งทำให้นักเรียนสามารถคาดการณ์ผลการสอบได้
โดยการกำหนดวันสอบคัดเลือกเข้าเรียนห้องเรียนพิเศษ
จะกำหนดสอบประมาณเดือนพฤศจิกายน หรือเดือนธันวาคม
ซึ่งผู้ปกครองและนักเรียนที่ต้องการสมัครสอบคัดเลือกต้องติดตามข่าว
การเปิดรับสมัครสอบให้ดี

ข้อสอบคัดเลือกเข้าห้องเรียนพิเศษ

แน่นอนว่าข้อสอบเข้าห้องเรียนพิเศษต้องยากกว่า
เข้าห้องเรียนปกติอยู่แล้ว ถ้าเป็นห้องเรียนพิเศษ วิทย์ - คณิต
ก็จะเน้น 2 วิชานี้ ถ้าเป็น English Program ก็จะเน้นภาษาอังกฤษ
และที่สำคัญคือการสอบสัมภาษณ์
ซึ่งบางโรงเรียนอาจมีการสอบสัมภาษณ์ผู้ปกครองด้วย
และบางโรงเรียนอาจจะคัดกรองนักเรียนจากการสอบสัมภาษณ์
โดยตัดนักเรียนที่สอบข้อเขียนผ่านออกเกินกว่าครึ่งก็เป็นได้
นักเรียนและผู้ปกครองที่คิดว่าจะสอบเข้าห้องเรียนพิเศษ
ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรใดก็ตาม ก็คงจะต้องเตรียมตัววไว้แต่เนิ่นๆ
เพราะว่าในปัจจุบันนี้ มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูงทีเดียว
ถ้าเป็นห้องเรียนพิเศษ วิทย์ - คณิต
นั้นเนื้อหาที่เรียนแต่เฉพาะในโรงเรียนคงไม่พอแน่
ลองดูข้อสอบเข้า ม.1 ห้องเรียนพิเศษของโรงเรียนแห่งหนึ่ง
ดูเป็นตัวอย่าง (แบบไม่ยากมากเกินไป) กันครับปี 1
เรียนพื้นฐานวิทยาศาสตร์ทั่วไป ฟิสิกส์ เคมี ชีวิทยา คณิตศาสตร์
ภาษาอังกฤษ ปี 2 เริ่มเรียนเกี่ยวกับพื้นฐานธรณีวิทยา
ได้เจอวิชาใหม่หมดเลย เรียนอะไรที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน
ค่อนข้างเป็นอุปสรรคเหมือนกัน
แต่พอได้เรียนวิชาที่ออกภาคสนามได้ออกเดินทาง
ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมรอคอย ถือว่ามาถูกทางแล้วครับ ขึ้นปีที่ 3
เป็นวิชาโครงสร้าง มองภาพใหญ่มากขึ้น
ม่ได้มองแค่ก้อนหินก้อนแร่แล้ว
และปี 4เป็นวิชาประยุกต์ที่เน้นเอาไปใช้ในการทำงานครับ
เป็นวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับส่วนประกอบต่าง ๆ ของโลก
เช่น แร่ หิน น้ำ ใต้ดิน และเชื้อเพลิงธรรมชาติ
ศึกษาค้นคว้าเสาะแสวงหาทุกอย่างที่อยู่ใต้ดิน
เน้นเรียนเกี่ยวกับหินเป็นหลัก
มีการออกสำรวจภาคสนามเพื่อเก็บข้อมูล
นำมาวิเคราะห์การสร้างเขื่อน หรือเพื่อการขุดหลุมเจาะน้ำมัน
ปิโตรเลียม เป็นต้น นอกจากสำรวจเพื่อนำเชื้อเพลิงมาใช้แล้ว
ธรณีวิทยายังเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการกำเนิดของโลก ศึกษาอดีต
หินในที่ต่าง ๆ มีที่มาที่ไปอย่างไร เคยเกิดอะไรขึ้นที่นี่
ผู้ที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมีความประสงค์
จะเข้าศึกษาต่อ สาขาวิชาธรณีวิทยา
จะต้องมี ความรอบรู้ในสาขาวิทยาศาสตร์
โดยเน้นวิชาคณิตศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา
และสมัครสอบเข้าศึกษาได้โดยการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อใน
สถาบันอุดมศึกษาของทบวงมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยที่เปิดการเรียนการสอนในหลักสูตรปริญญาตรี ได้แก่
หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต (วท.บ.)
ภาควิชาธรณีวิทยา (Geology) คณะวิทยาศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


ภาควิชาธรณีวิทยา (Geological Sciences) คณะวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


ภาควิชาเทคโนโลยีธรณี คณะเทคโนโลยี (Geotechnology)
มหาวิทยาลัยขอนแก่น


สาขาวิชาธรณีศาสตร์ (Geosciences) ภาควิชาฟิสิกส์
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล


สาขาวิชาวิทยาศาสตร์พื้นพิภพ (Earth Sciences)
ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป คณะวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
หลักสูตรปริญญาวิศวกรรมศาสตร์ (วศ.บ.)

วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีธรณี
(Geotechnology) สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี


แม้ว่าแต่ละมหาวิทยาลัยจะมีความหลากหลายในรายวิชาแตกต่างกันไป สังเกตได้จากชื่อของสาขาหรือภาควิชา แต่ทุกสถาบันข้างต้นจะให้ความรู้ในเนื้อหาหลักที่สำคัญของธรณีวิทยาแก่ผู้ศึกษาทุกคน รวมถึงการออกภาคสนาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการเรียนการสอน
การเลือกมหาวิทยาลัยขึ้นอยู่กับความสนใจส่วนตัว
การหาข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนการสอนของสถาบันต่างๆ
ประกอบนั้นมีความสำคัญ
ซึ่งสามารถเริ่มได้จากการเข้าไปดูรายละเอียดรายวิชาที่
เปิดสอนในแต่ละชั้นปีจากเว็บไซต์ของสถาบันที่ให้ไว้
หรือสามารถขอรับคำปรึกษาจากรุ่นพี่นักศึกษา
ศิษย์เก่าหรือคณาจารย์จากสถาบันเหล่านั้น
สอบถามถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพการเรียนการสอน
หลักสูตร กิจกรรมนักศึกษา และโอกาสในการทำงานหลังจบการศึกษา
หากได้รับคำแนะนำที่เป็นการยุยง โน้มน้าว
เปรียบเทียบเกินจริงด้วยข้อมูลที่มาจากการกล่าวอ้าง
โปรดใช้ข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจ
การชวนผู้ปกครองเข้าไปเยี่ยมชมสถาบัน เพื่อสัมผัสบรรยากาศจริง
หรือการเยี่ยมชมสถานที่ทำงานของนักธรณีวิทยาหรือพิพิธภัณฑ์ธรณี
วิทยา ก็สามารถช่วยให้เห็นภาพของธรณีวิทยามากขึ้น
ในแต่ละปีจะมีการประกาศรับสมัครนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่
ในชั้นปีสุดท้าย เพื่อรับทุนรัฐบาลไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี-โท-เอก
ในสาขาธรณีวิทยา ณ ต่างประเทศ
สามารถติดตามข่าวสารทุนการศึกษาได้จากเว็บไซต์
ของสำนักงานก.พ.
บัณฑิตที่จบจากสถาบันข้างต้นสามารถศึกษาต่อปริญญาโท
และเอก ได้ทั้งใน และต่างประเทศ โดยสามารถศึกษาเฉพาะด้าน หรือร่วมกับสาขาอื่น
เช่น วิทยาแร่ ศิลาวิทยา ธรณีเคมี ธรณีฟิสิกส์ ธรณีวิทยาเหมืองแร่ อุทกธรณีวิทยา ธรณีวิทยาปิโตรเลียม
วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม วิศวกรรมเหมืองแร่ ธรณีเทคนิค วิศวกรรมธรณี มากมายได้อีก
ซึ่งปัจจุบันมีการเปิดการเรียนการสอนในหลายมหาวิทยาลัยในประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีทุนให้ศึกษาต่อทั้งในและต่างประเทศ จากหน่วยงานราชการ และเอกชน
สามารถติดตามข่าวสารทุนการศึกษาได้จากเว็บไซต์ของสำนักงานก.พ.


4.ความก้าวหน้าในอาชีพ รายได้ สวัสดิการ
รายได้
-ปิโตรเลียมเอกชน 40,000+ บริษัทน้ำมันทั่วๆไปก็เริ่มต้นประมาณ 30,000 แต่ถ้าเป็นปตท
.หรือเชฟรอนประมาณ 50,000 หรือถ้าเก่งมากๆก็ได้ถึง 200,000
-ราชการ 15,000 ป.ตรีนะ ค่าออกภาคสนามต่างหาก
เงินเดือนเฉลี่ย 25,000.00
ผู้ประกอบอาชีพ สามารถทำงานในหน่วยงานต่างๆ ดังนี้
        1. หน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน
กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมพลังงานเชื้อเพลิง มหาวิทยาลัยในตำแหน่งอาจารย์ นักวิจัย หรือนักวิชาการ
        2. รัฐวิสาหกิจ เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
        3. หน่วยงานเอกชน เช่น บริษัทเหมืองแร่ บริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียม
บริษัทที่ปรึกษาด้านวิศวกรรม บริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
        4. หน่วยงานเอกชนในต่างประเทศ นักธรณีวิทยา
ไทยสามารถสมัครเข้าทำงานกับบริษัทเอกชนในต่างประเทศได้
        สามารถศึกษาต่อปริญญาโท และเอก ได้ทั้งใน และต่างประเทศ
โดยสามารถศึกษาเฉพาะด้าน หรือร่วมกับสาขาอื่น เช่น วิทยาแร่ ศิลาวิทยา
ธรณีเคมี ธรณีฟิสิกส์ ธรณีวิทยาเหมืองแร่ อุทกธรณีวิทยา ธรณีวิทยาปิโตรเลียม วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
วิศวกรรมเหมืองแร่ ธรณีเทคนิค วิศวกรรมธรณี มากมายได้อีก
ซึ่งปัจจุบันมีการเปิดการเรียนการสอนในหลายมหาวิทยาลัยในประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีทุนให้ศึกษาต่อทั้งในและต่างประเทศ จากหน่วยงานราชการ และเอกชน
5. ปัญหา หรืออุปสรรคที่อาจพบในการประกอบอาชีพ
เราต้องรู้จักสังเกตและบันทึกในงานที่ทำ แม้ว่าขณะนั้นอาจเป็นข้อมูลที่คิดว่าไม่สำคัญ
ในอนาคตเราอาจค้นพบความคิดใหม่ หรือมีโอกาสศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม
จนเมื่อกลับไปทดสอบความคิดและข้อมูลที่เราได้เคยบันทึกไว้ อาจทำให้เราค้นพบสิ่งใหม่ได้
เช่น เรื่องไดโนเสาร์และข้อมูลแนวคิดต่างๆ ที่เสนอไปและได้รับรางวัล
ก็ล้วนมีจุดเริ่มต้นจากความไม่รู้เลยแต่เห็นว่าเป็นเรื่องแปลก จึงได้มีการบันทึกไว้ในขณะนั้น ตัวอย่างเช่น
ในการสำรวจที่ไปพบกระดูกซากดึกดำบรรพ์ซึ่งต่อมาได้มีการวิเคราะห์ว่าเป็นกระดูกไดโนเสาร์
ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าเป็นกระดูกอะไรแต่เห็นว่าเป็นสิ่งแปลกจึงจดบันทึกไว้ทุกครั้งที่พบ
เมื่อมีการพิสูจน์ว่าลักษณะกระดูกดังกล่าวเป็นกระดูกไดโนเสาร์ ก็จำได้ว่าเราเคยพบหลายครั้งแล้ว
เราก็สามารถนำข้อมูลในอดีตเหล่านี้มาประกอบกับข้อมูลที่ได้มีการวิเคราะห์แล้ว
กลายเป็นการค้นพบใหม่ขึ้น ซึ่งถ้าเราไม่รู้จักสังเกตและจดบันทึกไว้
ข้อมูลที่อาจนำไปสู่แนวคิดหรือใช้เป็นหลักฐานสำคัญ ก็อาจถูกลืมและถูกละทิ้งไปกับกาลเวลา
อย่างไรก็ตามไม่ว่าการทำงานใด ต้องทำด้วยใจรักจะทำให้เรารู้จักสังเกตและจดจำสิ่งต่างๆ รอบตัว
และท้ายที่สุดก็จะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ถาม: ผู้หญิงกับธรณีวิทยา?
ตอบ: ปัจจุบันมีนักศึกษาหญิงและนักธรณีหญิงจำนวนมาก ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า
ผู้หญิงสามารถเรียนและประสบผลสำเร็จในสายอาชีพธรณีวิทยาได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ
ถาม: เรียนธรณีวิทยาแล้วได้ทำงานบริษัทน้ำมัน?
ตอบ: หลายคนตั้งความหวังไว้ว่า หากเป็นนักธรณีวิทยาแล้วจะได้เข้าทำงานในบริษัทสำรวจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
ที่ซึ่งให้ค่าตอบแทนหรือเงินเดือนค่อนข้างสูง แต่ในความเป็นจริงแล้วตำแหน่งงานที่เปิดรับในสายนี้มีจำนวนจำกัด
ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับจำนวนผู้เรียนจบธรณีวิทยาทั่วประเทศในแต่ละปี
ดังนั้นจึงไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะได้ทำงานในสายนี้
งานของนักธรณีวิทยามีอย่างอื่นอีกมากมายดังที่ได้แนะนำไว้ในหัวข้อ แหล่งงานประกอบอาชีพ
ถาม: เรียนธรณีวิทยาที่ไหนดีที่สุด?
ตอบ: ทุกสถาบันที่เปิดสอนธรณีวิทยาในประเทศไทยมีมาตรฐานการเรียนการสอนในระดับดีเท่ากัน
บัณฑิตที่จบจากทุกสถาบันสามารถสมัครงานในตำแหน่งนักธรณีวิทยาได้เหมือนกัน
การเลือกสถานที่เรียนจึงขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัว เช่นเดียวกับการสมัครงานก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเอง
ถาม: แนวโน้มตลาดงานธรณีวิทยาในอนาคต
ตอบ: งานในประเทศไทยมีจำกัด นักธรณีวิทยาไทยจะมีการทำงานในต่างประเทศมากขึ้น
โดยเฉพาะด้านการสำรวจ การสมัครงานแข่งขันกับนักธรณีวิทยาต่างชาติ
การศึกษาในระดับสูงกว่าปริญญาตรีจะมีความจำเป็น
ปัจจุบันประเทศไทยต้องการนักธรณีวิทยาด้านงานวิจัยและการสอนจำนวนมาก

6.แนวโน้มความต้องการอาชีพในอนาคต
นปัจจุบัน ภาวะความต้องการบัณฑิตด้านธรณีวิทยามีแนวโน้มสูงขึ้นมาก
สืบเนื่องจากอุตสาหกรรมด้านเหมืองแร่และปิโตรเลียม เติบโตขึ้นอย่างสูง ซึ่งถึงแม้ในสมัยเมื่อ
10-20 ปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่าอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ทั้งและเศรษฐกิจและแร่รัตนชาติ
นั้นไม่ได้รับความสนใจ เนื่องจากทรัพยากรธรณีเหล่านี้เริ่มหมดไปจากประเทศไทย
แต่เนื่องจากแนวโน้มบริษัทเติบโตและเน้นไปในทางสำรวจและผลิตโดยอาศัย
สัมปทานจากนอกประเทศ ส่งผลให้ภาวะความต้องการบัณฑิตด้านธรณีวิทยา
ในปัจจุบันกลับมาสูงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งในปัจจุบันกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก
และพิบัติภัยธรรมชาติ เพิ่มสูงขึ้นทำให้ความต้องการบัณฑิตหรือบุคคลากรในด้านนี้สูงขึ้นตามไปด้วย
7.คุณค่าของอาชีพต่อการพัฒนาสังคม

ความรู้ธรณีวิทยามีประโยชน์ต่อทุกคนความเป็นอยู่ที่ดีและความเจริญรุ่งเรืองของชุมชนเรานั้นขึ้นอยู่

ว่าเราเข้าใจและจัดการกับทรัพยากรในพื้นที่ที่เราอยู่ได้ดีแค่ไหน กระบวนการธรรมชาติต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกนี้

ส่งผลกระทบต่อเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีอิทธิพลต่อการอุโภคบริโภคทรัพยากรน้ำ

และความรุนแรงของไฟป่า แผ่นดินไหว การะเบิดของภูเขาไฟ พายุเฮอริเคน และน้ำท่วมก็สามารถคร่าชีวิตคนจำนวนมาก

และสร้างความเสียหายมูลค่าหลายล้านหรือหลายพันล้านบาทได้

ไม่ใช่แค่เหตุการณ์ทางธรรมชาติเท่านั้นที่ส่งผลกระทบต่อเรา กิจกรรมของเราแต่ละคน แต่ละสังคม หรือระดับประเทศ
ก็ส่งผลต่อโลกเช่นกัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรได้เพิ่มความต้องการใน
การใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากขึ้น เมื่อเรานำทรัพยากรเหล่านั้นมาใช้ในวันนี้ นอกจากจะส่งผลกระทบต่อโลกในปัจจุบัน
แล้วยังส่งผลกระทบต่อคนรุ่นหลังต่อไปได้ในอนาคต เพื่อการควบคุมดูแลกับสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น
เราต้องดำเนินการโดยตระหนักถึงอนาคตด้วยเริ่มจากการเข้าใจเกี่ยวกับระบบต่างๆ ของโลกให้มากขึ้น
วิชาธรณีช่วยให้เราได้คิดถึงส่วนรวมและท้องถิ่น ด้วยการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นสำคัญต่อ
การดำรงชีวิตของเราและชุมชน คนที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการทำงานต่างๆ ของโลก
สามารถให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้เกี่ยวกับสถานที่ปลอดภัยที่จะซื้อหรือสร้างบ้าน พวกเขาสามารถอภิปราย
และแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย การวางและพัฒนาผังเมือง ความปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ ภาวะโลกร้อน รวมถึงการใช้
และการจัดการกับทรัพยากรธรรมชาติได้เป็นอย่างดี
ในสังคมที่ให้ความสำคัญต่อการศึกษา จะมีการปลูกฝังจิตสำนึกคนในชุมชนถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อโลก
ให้การระลึกถึงและตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาทางธรณีในทุกระดับ ตั้งแต่ประถมจนถึงมหาวิทยาลัย
เมื่อไหร่ที่เราให้ความสำคัญกับวิชาธรณี เมื่อนั้นทุกคนก็จะได้ประโยชน์ด้วยกัน
   ธรณีวิทยาช่วยสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ถ้าเราปรารถนาที่จะอาศัยอยู่ร่วมกับโลกใบนี้
ราจำเป็นที่จะต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงพฤติกรรมของโลก และเข้าใจในปฎิสัมพันธ์ของส่วนประกอบต่างๆ
ที่ประกอบกันขึ้นเป็นโลก วิชาธรณีได้ให้วิธีการคิดแบบบูรณาการความรู้จากหลายๆ สาขา บวกกับจินตนาการ
เพื่อให้เข้าถึงการเข้าใจโลกของเราอย่างแท้จริง วิชาธรณีประกอบด้วยการประยุกต์ความรู้จากชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์
นิเวศวิทยา และคณิตศาสตร์ เพื่ออธิบายความซับซ้อนของโลกใบนี้ การศึกษาทางธรณียังช่ว
สริมสร้างกระบวนการคิดวิเคราะห์อีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นภาพในอดีตและเพิ่มความสามารถใน
การทำนายเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การเข้าใจกระบวนการทางธรรมชาติต่างๆ ที่ส่งผลต่อเราในปัจจุบัน
และในอนาคต นักธรณีวิทยาจะมองหาหลักฐานหรือร่องรอยของกระบวนการนั้นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต
ซึ่งจะเป็นตัวเชื่อมเราไปสู่อดีตและท้าทายให้เราได้คิดถึงความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นอนาคต
การเรียนธรณีได้ก่อให้เกิดคำถามอันน่าสนใจไว้มากมาย ทำไมจึงเกิดแผ่นดินไหว? ทำไมถึงมีการกัดเซาะชายฝั่ง
แล้วเราควรจะจัดการอย่างไร? ทำไม่บริเวณที่ราบน้ำท่วมถึงไม่เหมาะแก่การสร้างบ้าน? บริเวณไหนที่เราจะนำพลังงานเ
ชื้อเพลิงมาใช้ได้ในอนาคต? บริเวณไหนที่เราจะพบน้ำดื่มที่มีคุณภาพดี? เราจะช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร?
ประเด็นและปัญหาต่างๆ เหล่านี้ อยู่บนพื้นฐานความรู้ทางทั้งสิ้น

Comments

Popular posts from this blog

นาฏศิลป์ไทย ม.๒